ปิดความเห็น บน ตู้แอร์…สกปรกได้อย่างไร

ตู้แอร์…สกปรกได้อย่างไร

     เรื่องล้างตู้แอร์รถยนต์คงได้ยินกันมาเยอะ  สรรพคุณมากมาย ก็ต้องดีกว่าไม่ล้างแน่นอน คิดง่าย ๆระหว่างอาบน้ำทุกวันกับอาทิตย์ละหน อย่างไหนจะดีกว่ากัน ถ้าไม่คิดเรื่องประหยัดน้ำนะ เหมือนแอร์บ้าน นานๆ ที ยังถอดฟิลเตอร์มาล้าง จากนั้น 3-6 เดือน เรียกใช้บริการล้างแอร์สักครั้ง แต่ตู้แอร์รถยนต์ เรามักจะไม่รู้ว่าควรล้าง เพราะไม่มีใครบอก ศูนย์รถไม่เคยแนะนำ  อย่าลืมว่าศูนย์รถ เขาขายรถ ขายอะไหล่ เรื่องแอร์เขาก็ซื้อของข้างนอกมาใส่ไม่ได้ผลิตขึ้นมาเอง อะไรเกี่ยวกับแอร์ ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำยาแอร์ ก็เปลี่ยนชิ้นส่วน ไม่ได้หมายความว่าศูนย์ไม่เก่งนะ แต่ความชำนาญกันคนละด้าน ถ้าหนักๆ เกินแก้ เขาก็เอารถลูกค้ามาทำที่ร้านแอร์ข้างนอกอยู่ดี ลองมาดูกันว่า ที่เรียกว่าตู้แอร์สกปรก เกิดขึ้นได้อย่างไร

  1. อย่างแรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฝุ่นในตู้แอร์
    ก็ค่อยๆสะสมมากขึ้น ลองนึกภาพตามนะ ปกติ ลมแอร์จะผ่านตู้แอร์ ก่อนที่ลมเย็นๆจะออกมาตามช่องแอร์มาถึงเรา คราวนี้เจ้าฝุ่นไปเกาะอยู่บนแผงคอยล์เย็นในตู้แอร์ ลมก็เลยผ่านตู้ไม่สะดวก เหมือนหน้าต่างบ้านที่ติดมุ้งลวด ลมย่อมผ่านเข้าบ้านได้ไม่ดีเท่าหน้าต่างที่ไม่มีมุ้งลวด (ทั้งนี้ต้องเปิดหน้าต่างนะ) ลมแอร์ส่วนที่ผ่านตู้แอร์ไม่ได้จะไปทางไหน ก็ต้องตีกลับเข้าไป คอมแอร์เมื่อเจอลมแอร์ตีกลับเป็นประจำ ต้องทำงานหนักขึ้น คิดง่ายๆ อะไรก็ตามที่ต้องทำงานเกินกว่าที่กำหนดไว้ นานๆเข้าก็ต้องสึกหรอ มีปัญหา ในเคสคอมแอร์นี้ หนักสุดก็คือต้องเปลี่ยนคอมแอร์ แต่ต้องเข้าใจไว้ว่าเมื่อเปลี่ยนคอมแอร์ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เฉพาะค่าคอมแอร์นะ ช่างต้องบอกแน่ๆ ว่า ตู้แอร์สกปรกนะ ล้างไปด้วย (ถ้าโชคดีมันยังไม่รั่วนะ) ค่าอะไหล่จิปาถะ ค่าน้ำยาแอร์ ค่าแรง รวมๆ กันกับค่าเสียเวลา และอาจต้องเผื่องบบานปลาย แต่จะยังไง เจ้าของรถก็ยอม เพราะมันร้อนนี่นะ
  2. กลิ่นเหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว ถ้าคุณไม่สูบบุหรี่ ไม่ทานอาหารบนรถ 
    คุณคงสงสัยว่ากลิ่นนี้มาจากไหน ลองคิดถึงตู้เย็นนะ ถ้าเสียบไฟตลอดเวลา ไม่แช่อาหารมีกลิ่น เวลาเปิดตู้เย็นก็จะรู้สึกถึงกลิ่นสะอาด ยิ่งตู้เย็นสมัยใหม่มีตัวดับกลิ่นยิ่งหายห่วงเรื่องกลิ่น แต่ถ้าคุณลองถอดปลั๊กตู้เย็น เอาของออกจากตู้ เช็ดทำความสะอาด จากนั้นปิดประตูตู้เย็น ผ่านไป 1 อาทิตย์ คุณมาเปิดตู้เย็นอีกครั้ง กลิ่นแรกที่คุณได้จะไม่ใช่กลิ่นเดิมที่คุณชอบ แต่เป็นกลิ่นอับ เหม็น ที่ขนาดเช็ดล้างอีกทีก็ยังคงได้กลิ่น แอร์รถก็เหมือนกัน เมื่อปิดแอร์ ดับเครื่องยนต์ ความเย็นในตู้แอร์ยังมีอยู่ กลั่นตัวเป็นหยดน้ำ เป็นคราบวุ้นในตู้แอร์ เป็นต้นเหตุของกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่จะรถราคาแสนแพงแค่ไหน ก็ต้องเกิดวุ้นอยู่ดี หลายคนบอกว่าไม่เป็นไร เปิดแอร์ทิ้งไว้สักพัก กลิ่นจะหายไปเอง ความจริงกลิ่นไม่ได้หายไปไหน แต่จมูกของเราชินกลิ่นก็เลยรู้สึกว่ากลิ่นหมดไป
  3. เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา 
    คราบวุ้นในตู้แอร์เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดี เพราะความชื้นและอุณหภูมิเป็นใจ เหมือนกับตู้เย็นที่ปิดทิ้งไว้ (ไม่เสียบไฟ) เปิดอีกทีพบว่ามีคราบเชื้อรา ถ้าเป็นเชื้อแลคโตบาซิลัสอย่างที่โฆษณาในยาคูลท์คงจะดี ยิ่งเปิดแอร์ ยิ่งสูดอากาศเข้าไป ยิ่งร่างกายแข็งแรง แต่นี่มันคนละเชื้อกัน เจ้าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราจะค่อยๆ ทำให้ภูมิต้านทานเราบกพร่อง อาการส่วนใหญ่จะไปเกิดที่ระบบทางเดินหายใจ ที่คุ้นเคยกันก็คือ ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มีอาการเป็นหวัดน้ำมูกใส จามบ่อย บางคนก็ไปแพ้ที่อื่น เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง ก็เป็นผื่นคัน บางคนก็เคืองตา แสบตา เชื้อโรคพวกนี้ที่ฝังตัวอยู่ในตู้แอร์ ใช่ว่าสูดวันเดียวก็เป็นภูมิแพ้นะ ร่างกายรับมันทุกวัน เชื้อโรคก็จะเข้าไปทำลายเกราะของเรา เมือถึงจุดที่ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนก่อน อาการเจ็บป่วยก็จะปรากฏขึ้นมา แอร์รถเปลี่ยนอะไหล่ได้ แต่สุขภาพของเรา จะมีอะไหล่ทดแทนได้ดั่งใจหรือเปล่า ก็อย่างที่เห็นกันจนชินตา กินยากันไปตลอดชีวิต ลองสังเกตดู คนกรุงเทพ หรือ คนเมืองเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าคนที่อยู่ชนบท แค่ฝุ่น กลิ่น และเชื้อโรค คุณก็คงบอกพอได้แล้ว จะให้ล้างตู้แอร์ก็ล้าง แต่ด้วยความที่มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับการล้างตู้แอร์ที่ทำให้หลายคนไม่อยากจะพบกับเหตุการณ์เหล่านั้น ทางที่ดีก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าแต่ละเหตุการณ์มีที่มาที่ไปอย่างไร